หยุด! เผาป่า 

หยุด! เผาป่า 

จากสถานการณ์ไฟป่าในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าเกิดไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ ทั้งป่าธรรมชาติ และป่าอนุรักษ์ ลุกลามไปได้โดยอิสระ ไม่มีการควบคุม และกระจายตัวเป็นวงกว้าง เผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติในป่า และสามารถเผาไหม้ต้นไม้ และสัตว์ป่าที่ยังมีชีวิต เมื่อมีความแห้งแล้งและลมแรง ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงของเปลวไฟเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงมนุษย์ก็ได้รับผลกระทบจากไฟป่านี้เช่นกัน 

ไฟป่าคืออะไร? 

ไฟป่า คือไฟที่เผาไหม้เชื้อเพลิงตามธรรมชาติในป่า แล้วลุกลามไปโดยอิสระอย่างรวดเร็ว ปราศจากการควบคุม และกระจายตัวเป็นวงกว้าง เกิดขึ้นได้ทั้งในป่าธรรมชาติ หรือสวนป่าก็ตาม 

สาเหตุของการเกิดไฟป่า 

เชื้อเพลิง + ออกซิเจน + ความร้อน = ไฟ! 

ไฟป่าเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก คือ เกิดจากธรรมชาติ และเกิดจากมนุษย์ 

เกิดจากธรรมชาติ 

ไฟป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฟ้าผ่า ประเทศไทยพบฟ้าผ่าที่เกิดควบคู่ไปกับการเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ดังนั้นประกายไฟที่เกิดจากฟ้าผ่าจึงมักไม่ทำให้เกิดไฟไหม้ หรืออาจเกิดได้บ้างแต่ไม่ลุกลามไปไกล เนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์และความชื้นของเชื้อเพลิงสูง จึงแทบจะไม่เป็นสาเหตุของการเกิดไฟป่าเลย 

หรืออาจเกิดจากที่กิ่งไม้เสียดสีกัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ป่าที่มีไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น และมีสภาพอากาศแห้งจัด เช่น ในป่าไผ่หรือป่าสน รวมถึงภูเขาไฟระเบิด การกระทบกันของก้อนหิน แสงแดดตกกระทบผลึกหิน แสงแดดส่องผ่านหยดน้ำ ปฏิกริยาเคมีในดินป่าพรุ หรือการลุกไหม้ในตัวเองของสิ่งมีชีวิต (Spontaneous Combustion) 

เกิดจากมนุษย์ 

ไฟป่าที่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาในเขตร้อนส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเก็บหาของป่า ซึ่งถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่ามากที่สุด มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พื้นป่าโล่ง หรือให้แสงสว่างในระหว่างการเดินทางผ่านป่าในเวลากลางคืน หรือจุดเพื่อกระตุ้นการแตกใบใหม่ของผักหวานและใบตองตึง หรือการรมควันไล่แมลงต่าง ๆ ในขณะที่อยู่ในป่า  

การเผาไร่ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดไฟป่า การเผาไร่เพื่อกำจัดวัชพืชหรือเศษซากพืชที่เหลืออยู่ภายหลังการเก็บเกี่ยว การชิงเผา เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบถัดไป โดยไม่มีการควบคุมหรือทำแนวกันไฟ ไฟจึงลามเข้าป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และเกิดเป็นไฟป่าที่ขยายเป็นวงกว้างได้ 

ความประมาทจากการก่อกองไฟเพื่อพักค้างแรมในป่า แล้วลืมดับหรือดับไม่สนิท หรือการทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นป่า ก็ทำให้เกิดไฟป่าได้ 

การล่าสัตว์ โดยใช้วิธีจุดไฟไล่ให้สัตว์หนีออกจากที่ซ่อน หรือจุดไฟเพื่อให้แมลงบินหนีไฟ นกชนิดต่าง ๆ จะบินมากินแมลง แล้วดักยิงนกอีกทอดหนึ่ง 

การจุดไฟเผาทุ่งหญ้า เพื่อให้หญ้าใหม่แตกระบัด ล่อให้สัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่น กระทิง กวาง กระต่าย มากินหญ้า แล้วดักรอยิงสัตว์นั้น ๆ 

รวมถึงการเลี้ยงปศุสัตว์แบบปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติ มักลักลอบจุดไฟเผาป่าให้โล่งมีสภาพเป็นทุ่งหญ้า ให้เกิดหญ้าระบัด เพื่อเป็นแหล่งอาหารสัตว์ 

หรือแม้แต่การแกล้งจุดเพื่อความคึกคะนอง และความสนุกสนานของผู้จุดเท่านั้น 

ผลกระทบของการเกิดไฟป่า 

จะเห็นได้ว่าไฟป่าที่ไม่มีการควบคุม และมีการกระจายตัวเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบที่รุนแรงมากต่อระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม รวมถึงปัญหาสุขภาพมนุษย์ 

การเกิดไฟป่าทำให้ระบบนิเวศเสียหาย สัตว์ป่า และพันธุ์พืชนานาชนิดถูกทำลาย รบกวนวัฏจักรชีวิตสัตว์ป่า (Life cycle) สัตว์ป่าสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยเดิม เกิดการอพยพ หรืออาจทำให้สัตว์บางชนิดสูญพันธุ์หากหนีไม่ทัน โดยเฉพาะสัตว์ที่หายากและมีขนาดเล็ก ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพในอนาคต 

การเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบถัดไป หรือการรุกป่าทำแปลงเกษตรและปศุสัตว์ ทำให้พื้นที่ที่เป็นแหล่งทำการเกษตรและแหล่งเพาะปลูกเสียหาย คุณภาพของดินบริเวณนั้นเสื่อมโทรม ซึ่งต้องใช้เวลาฟื้นฟูเป็นเวลานานจึงจะกลับคืนสู่สภาพเดิม 

การเกิดไฟป่ายังก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันจากการเผาไหม้ ควันที่เกิดจากการเผาไหม้ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศจำนวนมาก ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกรวน (Climate change) ได้ 

ไฟป่านอกจากจะทำลายพื้นที่การเกษตรแล้ว ยังทำลายสิ่งก่อสร้าง อาคาร บ้านเรือน เกิดความเสียหายจำนวนมาก อีกทั้งงบประมาณในการนำไปจัดการกับปัญหาไฟป่าในแต่ละปี ก็มีมูลค่าสูงเช่นกัน 

ท้ายที่สุดปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองจากการเกิดไฟป่า ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เฉกเช่นปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นเรื่องของไฟป่า และฝุ่นละออง จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องตระหนัก และจำเป็นต้องช่วยกันยับยั้งปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป 

ทว่าไฟป่าเปรียบเสมือนดาบสองคม ที่มีทั้งคุณและโทษ ถ้าเป็นไฟที่เกิดขึ้นจากป่าจริงและมีการควบคุม ก็จะเกิดประโยชน์นับอนันต์ อย่างป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง กลุ่มป่าผลัดใบต้องอาศัยไฟป่าในการเปิดหน้าดิน เพื่อให้เมล็ดพืชและพืชด้านล่างเจริญเติบโตได้ และไฟป่ายังช่วยกะเทาะเปลือกด้านนอกให้แตกออก สำหรับเมล็ดที่มีเปลือกแข็ง เพื่อให้พืชด้านในสามารถเจริญเติบโตได้ รวมถึงเมล็ดพืชอื่น ๆ ที่มีระยะเวลาพักตัวจำกัด (Seed dormancy) เมล็ดที่ตกลงพื้นที่มีหญ้าหนา ใบไม้ปกคลุม จะไม่ได้รับแสงแดดที่เพียงพอในช่วงเวลาจำกัด ทำให้เมล็ดฝ่อไม่เจริญเติบโต แต่ถ้าหากเมล็ดตกลงสู่พื้นดินที่หน้าดินไม่มีวัชพืช ใบไม้ปกคลุม และได้รับแสงแดดที่เพียงพอ ก็จะทำให้เมล็ดงอกได้โดยง่าย  

ไฟป่ายังช่วยกระตุ้นให้เกิดดอกและผลของพืช เนื่องจากแร่ธาตุที่มาจากเถ้าถ่านจากการเผาไหม้ของไฟป่า เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืชหลายชนิด และไฟป่ายังช่วยควบคุมความชื้นในป่า เพราะป่าที่มีความชื้นสูง จะทำให้เห็ด รา และปรสิตที่อาศัยความชื้นในการเจริญเติบโตมีจำนวนมากเกินไป ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อต้นไม้ใหญ่ได้ ไฟป่าที่มาเป็นระลอกจึงช่วยควบคุมให้ความชื้นในป่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม 

ไฟป่าเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งจากธรรมชาติและจากมนุษย์ แต่จะเห็นได้ว่ามนุษย์เราเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไป การเผาป่านอกจากจะก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ยังเป็นการทำลายพื้นที่ป่า และมีความผิดตามกฎหมายอีกด้วย! 

อ้างอิง 

ผู้เขียน

+ posts

สาวแว่นทาสแมวที่ชอบบอกเล่าเรื่องราวผ่านลายเส้น มีธรรมชาติช่วยฮีลใจ และหลงใหลในพระจันทร์เสี้ยว