เครื่องสำอางนับเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับนิยามคำว่า “ความงาม” มาร่วมหลายทศวรรษ ซึ่งแต่ละยุคสมัยวัตถุดิบที่ใช้ในการทำเครื่องสำอางก็จะเปลี่ยนไปตามสังคมเช่นกัน โดยในปัจจุบันกระแสเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมคือหนึ่งในประเด็นหลักที่แทบทุกวงการให้ความสำคัญ ด้วยเหตุนี้วงการความงามจึงเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ผ่านแนวคิดที่เรียกว่า ‘Green Beauty’
จากปัญหาของอุตสาหกรรมความงามสู่แนวคิด Green Beauty
ก่อนอื่นอยากให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันก่อนว่าอุตสาหกรรมความงามเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเครื่องสำอางส่วนใหญ่ล้วนมีส่วนผสมของสารเคมีที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นอันตรายต่อโลก โดยทั่วไปแล้ว ส่วนประกอบในกระบวนการการผลิตเครื่องสำอางส่วนใหญ่มักจะใช้ส่วนผสมของปิโตรเคมีที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นส่วนประกอบในกระบวนการผลิต อย่างที่ทราบกันดีว่าปิโตรเคมีเป็นทรัพยากรที่ไม่ยั่งยืน มิหนำซ้ำมันยังเป็นต้นเหตุสำคัญของการกระตุ้นให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วย เนื่องจากในกระบวนการการผลิตปิโตรเคมีจะมีขั้นตอนในการเผาไหม้ซึ่งสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนโอ
อีกหนึ่งตัวอย่างของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เห็นได้ชัดจากอุตสาหกรรมความงามคือ ปัญหาการใช้พลาสติกในการเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ไม่เพียงแค่พลาสติกในบรรจุภัณฑ์เท่านั้น แต่พลาสติกยังถูกใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางด้วย อย่าง ไมโครบีดส์ ซึ่งเป็นพลาสติกขนาดเล็กที่ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น สครับอาบน้ำ โฟมล้างหน้า และสครับสำหรับขัดผิว ถึงแม้ว่าพวกมันจะสามารถละลายหายไปได้เมื่อเราล้างออก แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันเป็นกลับหลงเหลืออยู่ตามแหล่งน้ำปลายทางที่น้ำจากในห้องน้ำของเราปล่อยออกมา
จากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จึงทำให้หลายองค์กรเริ่มตระหนักต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและริเริ่มใช้แนวคิดทางด้านความงามที่ให้ความสำคัญเรื่องความงามควบคู่ไปกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เนื่องจากอุตสาหกรรมความงามเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีส่วนในการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างที่กล่าวไปข้างต้น โดยแนวคิด Green Beauty นั้นไม่ได้หมายถึงแค่การใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ครอบคลุมไปในทุก ๆ ขั้นตอนของกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนจบที่จะต้องไม่สร้างหรือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
จากผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้ปิโตรเคมีในการผลิต องค์กรด้านความงามหลายแห่งจึงหันมาใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยกระบวนการโอลีโอเคมีจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้ในอุตสาหกรรมความงาม ซึ่งโอลีโอเคมีเป็นกระบวนการการผลิตสารและผลิตภัณฑ์หลายรูปแบบสำหรับหลายอุตสาหกรรม กล่าวคือ กระบวนการโอลีโอเคมีจะนำ น้ำมันจากธรรมชาติและพืชผลทางการเกษตรมาใช้ในการผลิตน้ำมันและแอลกอฮอล์ ตลอดจนแบคทีเรีย ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา อย่างแบคทีเรีย Deinococcus ที่เป็นส่วนผสมในการสร้างกลิ่นและสีสำหรับใช้ในเครื่องสำอางแทนสารเคมีแบบเดิม ทั้งหมดนี้ถูกนำมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิต เพื่อทดแทนการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแค่เครื่องสำอางเท่านั้นที่จะได้จากกระบวนการโอลีโอเคมี ทว่ายังมีอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลผลิตจากกระบวนการโอลีโอเคมีด้วยเช่นกัน อาทิ พอลิเมอร์ ยา น้ำมันเครื่อง สบู่ เป็นต้น
ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมความงามนั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพลาสติก แต่ในปัจจุบัน หลังจากแนวคิดความสวยงามที่ต้องคู่กับสิ่งแวดล้อมได้แพร่หลายมากขึ้น หลายบริษัทเริ่มมองหาส่วนประกอบที่ใช้ในการทำบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อย่างการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับรีไซเคิลได้ ตลอดจนการใช้สีย้อมจากถั่วเหลืองแทนหมึกเคมีในการพิมพ์ข้อมูลลงบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งหลายบริษัทด้านความงามเชื่อว่าการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้นั้น จะช่วยยกระดับเครื่องสำอางให้ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ทำไมเราจึงต้องเลือกใช้เครื่องสำอางเพื่อสิ่งแวดล้อม
ถึงแม้ว่าจะมีหลายแบรนด์เริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถซื้อใจผู้บริโภคได้เท่าที่ควร เนื่องจากหลายครั้งมักเกิดการเปรียบเทียบส่วนประกอบและประสิทธิภาพของเครื่องสำอางระหว่างแบบทั่วไปและแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ว่าการไม่ใช่สารเคมีในเครื่องสำอางจะไม่เป็นการลดประสิทธิภาพของเครื่องสำอางเหล่านั้นลงไปหรือไม่
ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากแสดงให้เห็นถึง 2 เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ประการแรก คือ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างจิตสำนึกต่อโลกมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้โลกของเราเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น ปัญหามลพิษ และสารเคมี ทั้งหมดนี้ล้วนมีอุตสาหกรรมความงามเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนให้โลกเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราด้วยการหันกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำเพื่อโลกของเรามากขึ้น
ประการที่สอง คือ ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องสำอางที่ดีขึ้น จากการใช้กระบวนการผลิตแบบโอลีโอเคมี ด้วยการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต โดยส่วนผสมจากธรรมชาติเหล่านี้สามารถช่วยลดโอกาสในการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตลอดจนลดอาการแพ้ได้ เนื่องจากเครื่องสำอางเหล่านี้ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ ที่เป็นสาเหตุหลักในการเกิดการแพ้และปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น สารพาราเบนที่ถูกใส่ในเครื่องสำอางต่าง เพื่อใช้ในการยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น อย่างไรก็ดีสารพาราเบนนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์ หากใช้ไปนาน ๆ อาจทำให้ระบบสืบพันธุ์เสื่อมลงได้
ถึงแม้ว่าสารเคมีจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะเวลาอันสั้น แต่ถ้ามองต่อไปในระยะยาวแล้ว การใช้สารเคมีเหล่านี้ไม่ส่งผลดีต่อร่างกายของเราแน่นอน ด้วยเหตุนี้ถ้าหากเราสามารถหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสารเคมีได้ ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยง ดังนั้น แนวคิดที่นำเสนอนี้จึงไม่ได้ดีต่อธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นแนวคิดที่ดีต่อร่างกายผู้บริโภคด้วย
อ้างอิง
- Green Cosmetics: The Push for Sustainable Beauty
- Green Beauty: What Is It, What To Look For
- ภาพประกอบ Christin Hume
ผู้เขียน
หนุ่มน้อยผู้หลงรักความไม่สมบูรณ์แบบ ออกเดินทางเพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติ และชอบอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ