นักวิทย์ฯ เตือน หากโลกยังคงร้อนขึ้น 9 ใน 10 สายพันธุ์ทางทะเลอาจสูญพันธ์ุภายในปี 2100

หากโลกยังคงร้อนขึ้นในอัตราปัจจุบัน ภายในสิ้นศตวรรษนี้ สายพันธุ์สัตว์น้ำมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

คำเตือนที่เฉียบขาดนี้มาจากทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบสัตว์กว่า 25,000 สายพันธุ์ รวมถึงปลา พืชทะเล แบคทีเรีย และโปรโตซัว ซึ่งอาศัยอยู่ในความลึก 100 เมตรในมหาสมุทรโลก 

จากสถานการณ์กรณีเลวร้ายที่สุดการปล่อยให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ไม่มีการตรวจสอบทำให้อุณหภูมิบรรยากาศโลกสูงขึ้นประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส สัตว์ทะเลเกือบ 9 ใน 10 ชนิดที่อยู่ใกล้ผิวน้ำจะมีความเสี่ยงสูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ในที่อยู่อาศัยของพวกมัน

“หนึ่งในสิบของมหาสมุทรประกอบด้วยระบบนิเวศที่ความเสี่ยงจากสภาพอากาศโดยรวม มีความเป็นได้สูงในการถูกคุกคามและการทำลายให้สูญพันธุ์ของสายพันธุ์ที่ง่ายต่อการถูกเอาเปรียบ” นักวิทยาศาสตร์อธิบายในงานวิจัย ‘การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงสุดสำหรับสัตว์ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบในประเทศที่มีรายได้ต่ำและต้องพึ่งพาการทำประมง’

สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ไม่เคยประสบกับความตายในระดับนี้มาก่อนนับตั้งแต่การสูญพันธุ์ของ Permian เมื่อ 250 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ บนโลกหายไป

นั่นคือข่าวร้าย ข่าวดีก็คือเรายังคงสามารถสร้างความแตกต่างได้โดยการลดการปล่อยมลพิษของเราอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าและหลายทศวรรษที่จะมาถึงหากเราสามารถรักษาอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ให้สต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสัตว์เหล่านี้ทั้งหมดจะลดลง 98 เปอร์เซ็นต์ นักวิทยาศาสตร์กล่าว

“การลดการปล่อยมลพิษช่วยลดความเสี่ยงสำหรับแทบทุกสายพันธุ์ (98.2 เปอร์เซ็นต์) ช่วยเพิ่มเสถียรภาพของระบบนิเวศและเป็นประโยชน์ต่อประชากรที่ขาดแคลนด้านอาหารในประเทศที่มีรายได้ต่ำ” พวกเขาเขียน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดที่อาศัยอยู่ใกล้ผิวน้ำในมหาสมุทรของโลก โดยผู้ล่าที่ใหญ่กว่านั้นมีความเสี่ยงมากกว่าสัตว์นักล่าที่มีขนาดเล็กกว่า ในทำนองเดียวกัน ชนิดของปลาที่มนุษย์นิยมล่า ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เพราะพวกมันต้องต่อสู้ไม่เพียงแต่กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการล่าโดยมนุษย์อีกด้วย

เรื่อง : ปีกาญจนา สินวราวิวัฒน์
เรียบเรียงจาก : Nine out of 10 marine species could disappear by 2100, scientists warn
ภาพเปิดเรื่อง : Francesco Ungaro