10 กันยายน 2013 

จากป่า สู่เมือง จากแม่เรวาสู่กรุงเทพมหานคร กับภารกิจเดินเท้าแสดง ‘ความบ้า’ ของอ้ายพวกนักอนุรักษ์ทั้งหลายในวันแรก

ฝนตกตั้งแต่ตีสองปลุกให้ตื่นก่อนกำหนดการณ์ นั่งมองฝนและตบยุงจนตีสี่ครึ่งแล้วออกไปไหว้จ้าวป่าจ้าวเขาขอพรขอขมา แล้วเริ่มออกเดินเท้าพร้อมแบก EHIA ที่ไม่สมบูรณ์และไม่ควรอนุญาติ – ประท้วง ไม่เอา ไม่ยอมรับ

เจอทั้งคนสนับสนุนเขื่อนและไม่เอาเขื่อนสลับกันเป็นสีสัน และปั่นป่วน มีทั้งความแช่มชื้นและกดดัน แต่ผ่านมาได้ด้วยความเสียวในอารมณ์

บางคนถามเดินไปไหนกัน เราตอบง่ายๆ ว่าเดินไปกรุงเทพฯ

ไม่มีอะไรพลาดหรือผิดแผน มีเหนื่อย มีเจ็บขา แต่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอ้ายพวกนักอนุรักษ์อย่างเรามันบ้าสมคำที่เขาชอบว่าจริงๆ

11 กันยายน 2013  

จากป่าสู่เมือง กิจกรรมเดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์ วันที่ 2

เดินอย่างไม่หนักหนาในการใช้ร่างกาย อาจเพราะกล้ามเนื้อปรับตัวได้ และสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่ร้อนแรงเท่าเมื่อวาน

ฝนฉ่ำ

แต่ปัญหาหนักคืออิทธิพลท้องถิ่นที่บีบให้ต้องคิดตลอดทาง

กำหนดการณ์วันนี้ต้องเข้าอำเภอลาดยาว แต่สถานที่ราชการ และวัดที่ขอความอนุเคราะห์ค้างแรมถูกยกเลิกหมดเพราะเจ้าของสถานที่ไม่อยากมีปัญหากับผู้นำท้องถิ่น (เอาเขื่อน)

หนักกว่านั้นคือห้ามไม่ให้เดินผ่านอำเภอ

เพียงผู้นำท้องถิ่นไม่กี่คนกลับมีกำลังภายในล็อบบี้มากมาย และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีกับทางการ

มันน่าแปลกใจจนน่าใจหาย

อิทธิพลท้องถิ่นมีกำลังภายในแรง ผมเข้าใจ แต่ข้าราชการไทยสิ ช่างน่าสิ้นหวังเสียจริง 

12 กันยายน 2013 

จากป่าสู่เมืองวันที่ 3 บ้านเรือนรายทางค่อนข้างสนใจการเดินเท้าของคนแปลกหน้าในชุดขาว

ส่วนใหญ่มาถามว่าไปไหน (เราตอบแค่ว่าไปกรุงเทพฯ)

ที่ชวนคุยเรื่องเขื่อนก็มีหลายคน มีทั้งจะเอาให้ได้ไม่ฟังความ และไม่เอาเพราะเข้าใจว่าคงไม่เข้าท่า

แต่ที่มีเยอะคือลังเลว่าจะเอาหรือไม่เอาดี

ปัญหาสำคัญ คือ เขาไม่รู้ว่าหลังคอนกรีตกั้นน้ำขนาดใหญ่มีปัญหาอะไรซ่อนอยู่บ้าง

บางพื้นที่จะได้ใช้น้ำเฉพาะฤดูฝนเพราะเป็นชลประทานฤดูฝน น้ำที่ท่วมลาดยาวมาจากแม่น้ำสายอื่นไม่ใช่แม่วงก์ ต้องมีการเวนคืนที่ดินเพื่อทำคลองชลประทานขนาด 50 m

ข้อมูลเหล่านี้ถูกปกปิดและบิดเบือนด้วยถ้อยคำหาเสียง

และน่าเสียดายที่ฝ่ายอนุรักษ์แทบจะไม่มีโอกาสเปิดเวทีเพื่อชี้แจง โดนแรงต้าน ไล่ กระเด็นออกไปไกล

ไกล เหมือนกับว่าเราไม่ได้อยู่บนโลกใบเดียวกัน

13 กันยายน 2013 

จากป่าสู่เมือง วันที่ 4 เดินบนทางฝนตกตลอดเวลามาจนถึงเมืองอุทัยธานี

ทุกอย่างผ่านไปโดยสวัสดิภาพ ภาพสวยงามเป็นสีหวานเย็น

คนสนับสนุนเพิ่มขึ้น แนวร่วมเพิ่มขึ้น คนหน้าเก่าขอผลัดเวรไปทำงานประจำ คนใหม่รับไม้ต่อ สลับกันไปมาไม่เหงา

อันที่จริงมันควรเป็นศุกร์สุข (13) แต่น่าเสียดายที่ข่าวร้ายมักเดินทางมาถึงก่อนเสมอ

พิทักษ์ป่าที่พอรู้จักมักคุ้นกับทีมเดินคัดค้าน EHIA เสียชีวิต 2 บาดเจ็บสาหัสอีก 2 จากการปะทะกับพรานล่าเสือ

ฝนเริ่มตกหลังข่าวเศร้ามาเยือน และตกตลอดเวลา

เราไม่รู้ว่าจะสามารถจับพรานล่าเสือได้หรือเปล่า และไม่ทราบว่าท้ายที่สุดสายน้ำแม่วงก์จะถูกกั้นหรือไม่

เราทราบเพียงอย่างเดียวว่างานอนุรักษ์คืองานที่ไม่มีวันทำเสร็จ

และต้องทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น 

14 กันยายน 2013 

จากป่าสู่เมือง วันที่ 5 ของการเดินเท้าคัดค้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์ วันที่มีผู้ร่วมคัดค้านเยอะที่สุดในรอบสัปดาห์

เป็นไปตามคาดการณ์ว่าเสาร์ – อาทิตย์ จะมีคนเข้าร่วมเดินเยอะ

ช่วงเช้าฝนพรำเหมือนอนาคตจะไม่สวย แต่พอสายแสงแดดเริงร่าใครต่อใครก็ต่างเดินทางมา ‘ร่วม’ โดยไม่ต้องเอ่ยปากชวน

ยอดจากการคะเนวันนี้น่าจะอยู่ที่ 70 คน จากปกติแค่ 30 คน ก็ทำให้ผู้เริ่มต้นดีใจโขแล้ว

หากนับรวมที่ขอตัวกลับไปฟื้นฟูร่างกายใหม่ หรือขอสะสางภารกิจยอดคนร่วมเดินอาจเกิน 100 คน แล้วก็ได้

เป็นเรื่องน่ายินดี และทำให้นึกถึงสารคดี ‘สืบ นาคะเสถียร แสงไฟที่ไม่เคยดับ’ ที่เพิ่งออกอากาศจบไปเมื่อต้นเดือนทางช่องไทยพีบีเอส

แสงไฟที่พี่สืบได้จุดไว้เมื่อ 23 ปีก่อน วันนี้มีคนมาสานต่อแล้ว

ป.ล.ขออนุญาตพักรบชั่วคราว

15 กันยายน 2013  

จากป่าสู่เมืองวันที่ 6 แอบกระโดดขึ้นท้ายรถกะบะหนีกลับมากรุงเทพตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นมานอนเต็มอิ่มพักตีนระบม และเฝ้ามองสถานการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย

เฟสบุ๊คมีมิตรสหายหลายท่านสร้างกิจกรรม ร่วมสนับสนุนให้กำลังใจคณะเดินกันล้นหลาม – ขอบคุณ

รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งจดหมายข่าวถึงสื่อมวลชนว่า “การพิจารณาโครงการเขื่อนแม่วงก์ ต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย”

กรุงเทพฯ ฝนตกพร้อมการตอกบัตรเลิกงานของแสงอาทิตย์

ศศิน เขียนเฟสบุ๊คว่า วันนี้ไม่มีฝน

หงา คาราวานมาเยี่ยมและร่วมเดิน

ผมนึกถึงท่อนหนึ่งของเพลงน้ำฝนที่พระเจ้าหัวฟูเป็นคนแต่ง

เดินจนไกลใต้ตะวันสีแดง
ใจมันแรงร้ายตามตะวัน
คนมีมือมีตีนเหมือนกัน
มีหัวใจมีมันสมอง
มีเลวดีมีความหมายปอง
มีครรลองของความเป็นคน
คนๆๆ ต้องคนให้ทั่ว
คนให้ทั่วจากหัวสู่ปลายเล็บตีน

ศศินบอกครั้งนี้เราใช้ตีนสู้

แต่ตีนคงจะสู้ไม่ได้หากไม่มีสมองคิดมาก่อน

ไม่ใช้สมองคิดก็ไม่มีตีนเดิน ประหนึ่งไม่มีป่า ก็ไม่มีน้ำ

16 กันยายน 2013 

จากป่าสู่เมืองวันที่ 7 วันนี้พี่น้องชาวสะเอียบมาเยี่ยม

ก่อนเดินทาง กลุ่มราษฎรรักษ์ป่า สะเอียบ จังหวัดแพร่ออกรับบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อส่งเป็นเสบียงให้กับคณะเดินเท้า

“เรามีฟักทอง ฟักเขียว หัวปลี พริก หอม กระเทียม ข้าวสารอาหารแห้ง ที่ได้จากจิตศรัทธาของชาวสะเอียบ”

“ถึงมีค่าเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นน้ำใจจากชาวบ้านที่ตั้งใจช่วยเหลือ”

ถึงเป็นเพียงสิ่งของเล็กน้อยแต่ก็เติมเต็มกำลังใจคณะเดินเท้าให้ก้าวต่อไปยังจุดหมาย

จุดหมายที่คณะเดินเท้าและพี่น้องสะเอียบเคยประกาศร่วมกันไว้สั้นๆ ว่า

พวกเราไม่เอาเขื่อน

18 กันยายน 2013  

จากป่าสู่เมืองวันที่ 8-9 (บันทึกย้อนหลัง) คณะเดินเท้าคัดค้าน EHIA บนถนนสายเอเชีย

การเดินทางมาถึงครึ่งทาง

คนที่ไม่เห็นด้วยกับเขื่อนแม่วงก์เริ่มแสดงตัวมากขึ้น

จากวันแรกที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แม่เรวา มีเพียง อ.ศศินและเจ้าหน้าที่มูลนิธิสืบแค่ 6 คน วันนี้เราออกสตาร์ทในตอนเช้ามืดในจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 คน

มากขึ้นในตอนสาย และมากขึ้นอีกในช่วงบ่าย

ประชาชน ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา ชมรมอนุรักษ์ องค์กรสิ่งแวดล้อม นักแสดง นักดนตรีที่วางกีตาร์ สื่อมวลชนที่วางปากกาชั่วคราว ฯลฯ

ไม่นับบนโซเชียลมีเดียที่ส่งกำลังใจมาอีกมาก

มีน้องคนหนึ่งส่งข้อความมาทางทวิตเตอร์มูลนิธิว่า “ขอโทษจริงๆที่ไปร่วมเดินขบวนคัดค้านเขื่อนไม่ได้ แต่หนูขอฝากกำลังใจไปให้ทุกคนด้วยนะคะ มีอะไรจะช่วยแชร์ให้ ขอบคุญมากๆ ค่ะ”

เป็นหนึ่งเสียงที่ส่งผ่านเข้ามา เช่นหลายๆ เสียงที่ร่วมตะโกน

ตะโกนแทนป่าและสัตว์ป่าที่พูดไม่ได้

เหมือนที่ สืบ นาคะเสถียร เคยพูดไว้ว่า “ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่า”

19 กันยายน 2013  

จากป่าสู่เมืองวันที่ 10 บันทึกตอนฝนตก ขณะนั่งฟังเพลงสัญญาหน้าฝน

ทีมเดินเท้าคัดค้าน EHIA นำโดยอ.ศศิน เดินถึงบางปะอินแล้ว พรุ่งนี้จะเดินผ่านปทุมธานี พักที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและระบบนิเวศฯ WWF

กลางวันแดดร้อนผ่าว ส่วนตอนเย็นฝนตกแรง ระบบคูคลองระบายน้ำไม่เจ๋งมีหวังใครสักคนคงอ้างเอาเขื่อนขึ้นมาอีกแน่

ผมเพิ่งเห็นว่าเฟสบุ๊คของคุณปลอดประสพหยิบเรื่องเขื่อนแม่วงก์มาพูดว่าจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้

พร้อมยังบอกอีกว่าถ้าผลออกมาไม่ถูกใจอย่างไรให้มาคุยกันด้วยเหตุและผลด้วยหลักวิชาการ

ผมไม่แน่ใจก่อนหน้านี้คุณปลอดประสพไปอยู่ไหนมา ถึงได้เพิ่งชวนอ้ายพวกนักอนุรักษ์มาคุยกันด้วยหลักวิชาการ

อ.ศศินประกาศชัดไปตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินแล้วว่าเราทำข้อมูลวิชาการไปจนหมดแล้วถึงต้องมาใช้ตีนแทนสมอง

เอาเถอะ… เรื่องเก่าผ่านแล้วก็เลยไปถ้าจะคุยกันใหม่ก็น่ายินดี ขอแค่รักษาสัญญาและคำพูดที่ว่าจะฟังกันด้วยเหตุด้วยผลไม่ตวาดกันว่าเป็นพวกขยะแบบวันวานอีก

สัญญาต้องเป็นสัญญา อ้ายพวกนักอนุรักษ์ไม่มีปัญญาทำฝนเทียมมาต่อสัญญาหน้าฝนนะครับ

20 กันยายน 2013 

จากป่าสู่เมืองวันที่ 11 เราใกล้จุดหมายมากขึ้นทุกวัน เส้นทางการเดินขยับใกล้เมืองหลวง

ภูมิศาสตร์ข้างทางเปลี่ยนไป จากทุ่งนากลายเป็นตึกสูง

จากตาสีตาสาเป็นคุณหญิงคุณนายคุณชายชนชั้นกลาง

แต่บรรยากาศไม่ต่างกัน

ตลอดเส้นทางยังมีกำลังใจส่งต่อถึงคณะเดินเท้า

รถหรูป้ายแดงขับมาขนาบขบวน ลดกระจกแล้วตะโกนบอกว่าสู้!

อีกคนวิ่งลงจากรถแล้วรีบถามหาเสื้อที่เหมือนอ.ศศินใส่

เจ้าของร้านค้าริมทางรีบคว้าน้ำเย็นๆมาเสิร์ฟเมื่อขบวนเดินผ่านโดยไม่ต้องร้องขอ

ฯลฯ 

หลากหลายมิตรไมตรีและการแสดงความเป็นมิตรสหายที่มีอุดมการณ์เดียวกัน

ที่พักคืนนี้มีมิตรที่พอดีดสีตีเป่ามาบรรเลงบทเพลงเพื่อผ่อนคลาย

ใครอยากเดินก็ตามมาเดิน ใครมีน้ำให้น้ำ ใครมีเงินให้เงิน ใครร้องเพลงเป็นก็ร้อง

ไม่ว่าใครทำหน้าที่อะไร มันก็คือขบวนหนึ่งของการอนุรักษ์

การอนุรักษ์ที่ใครๆ ก็ทำได้ 

21 กันยายน 2013

จากป่าสู่เมืองวันที่ 12 วันนี้เป็นวันที่คณะเดินเท้าคัดค้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์ที่นำโดยอ.ศศิน เฉลิมลาภ เดินมาถึงกรุงเทพฯ

เป็นเรื่องน่าตกใจที่คนออกมาต้อนรับกันเนืองแน่น

ประเมินกันเร็วๆ นับได้หลักพันแน่ๆ

ไม่คาดคิดเพราะกระแสตอบรับนั้นมีเพียงจากโซเชียลมีเดียเท่านั้น

การเดินครั้งนี้มันอาจไม่ใช่ข่าวใหญ่ที่โหมกลบปิดทับข่าวอื่น ตรงกันข้ามข่าวนี้กลับโดนข่าวอื่นปิดทับ

แต่โชคดี ใจคนยังไม่ถูกทับตามไป

ในเฟสบุ๊คของมูลนิธิสืบมีคนส่งข้อความเข้ามารายชั่วโมงสอบถามว่าตอนนี้ขบวนถึงไหน จะร่วมได้อย่างไร และเสื้อแบบที่อ.ศศินใส่จะซื้อได้ที่ไหน

ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ประสานงานการเดินนั้นไม่เคยว่างจากการรับสาย

แม้วันนี้กระแสการตอบรับจะมีมากกว่าวันไหนๆ แต่เราก็ยังคิดว่ามันน้อยอยู่ดีหากเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศนี้

และแม้ว่าภารกิจการเดินเพื่อคัดค้านจะจบลงวันพรุ่งนี้ แต่การทำงานเรื่องเขื่อนแม่วงก์ก็ยังไม่จบ

ก้าวเล็กๆ ก้าวนี้เป็นเพียงก้าวแรกเพื่อเริ่มต้นจุดไฟอนุรักษ์ให้ลุกโชนอีกครั้ง

พบกันพรุ่งนี้หอศิลป์กทม

22 กันยายน 2013

จากป่าสู่เมืองวันที่ 13 ศศินและคณะเดินเท้าคัดค้าน EHIA เดินมาถึงหอศิลป์ กทม.

ยอดผู้เข้าร่วมกิจกรรมวันนี้หลายพันคน บางคนบอกว่าหลักหมื่น

ช่างมัน – ตัวเลขบางครั้งก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญในการเดินครั้งนี้คือขนาดของหัวใจ

ศศินเคยโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เดินผ่านความกลัวหรือเดินผ่านทางไกลก็ใช้ขนาดหัวใจเท่าๆ กัน

จากวันแรกจนวันสุดท้ายขนาดของหัวใจก็ยังคงเท่าเดิม

ในทางกายภาพมันคงไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ในเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมันคงมีบางเวลาที่พองโตสลับกับลีบแบน

รอยยิ้ม มิตรภาพ เหนื่อย ร้อนและหิว เจ็บปวด หนาว ตัวสั่น หงุดหงิด และอ่อนเอน ฯลฯ

เหล่านี้คอยบั่นทอนแรงกายและใจ

แต่ขนาดของหัวใจทุกคนก็ยังเท่าเดิม

มันคือขนาดหัวใจของนักอนุรักษ์ ที่มั่นคงไม่เคยเปลี่ยนแปลง 

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking