28
ผมช่วยอาจารย์เดินได้แค่นี้

ตอนกลางวันแดดร้อนจัดวันนั้น ทีมอาจารย์จากนครปฐมพาขบวนนักเรียนประถมตัวเล็ก มาในชุดลูกเสื้อพร้อมป้ายไวนิลสีสดมาร่วมขบวนผู้คนทั้งมีชื่อเสียง และพึ่งมารู้จักกัน

ผมประทับใจผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ประกาศชื่อว่า ‘คิงสมิท’ เขาเป็นผู้ร่วมเดินคนหนึ่ง ซึ่งสังเกตจากการเดินก็รู้แล้วว่ามีปัญหาในการเดินที่ขา แต่ยังเช่ารถจากสมุทรปราการมาเดินกับเราแต่เช้า 

หนุ่มคิงสมิทมาคนเดียว และบอกผมว่ากดไลค์อย่างเดียวไม่พอขอมาร่วมด้วยตั้งแต่เช้า เขาก้มหน้าก้มตาเดินด้วยวิธีลากขาข้างหนึ่งตามขบวนใหญ่ไปอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะต้องใช้พลังงานและความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัว 

นั่นเป็นแรงผลักดันให้ผมลืมความเจ็บปวดแผลผองที่ฝ่าเท้าที่จริงๆ แล้วผมเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละก้าวตั้งแต่เมื่อวาน

ก่อนเย็นแดดกลับมาทำหน้าที่ร้อนแรงท้าทายทดสอบ และเคี่ยวกรำคนบ้าเดินตากแดด เราได้รับน้องผู้มาใหม่ทีมงานข่าวการเมืองทีนิวส์ ที่มาเกาะติดพวกเราอีกครั้งหนึ่ง 

คุณนัทเซอร์ เป็นนักกิจกรรมทำงานกับชาวบ้านมานมนาน ครั้งหนึ่งเคยเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันนี้มีฐานะเป็นผู้สื่อข่าวทีนิวส์ มาตามทำข่าวผมอีกครั้ง 

โดยส่วนตัว ผมกับคุณนัทเซอร์รู้จักกันทางกิจกรรมทางสังคมนานแล้ว จึงไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธการขอสัมภาษณ์และถ่ายรูป

ครั้งนี้เองกระมังที่มีคนนิสัยไม่ดีจับโยงภาพผมกับเขาเพื่อใส่ข้อกล่าวหาว่าขบวนของเราเกี่ยวข้องกับการเมือง

นอกจากคุณคิงสมิทที่ขาไม่ดี บ่ายวันนั้นผมก็ต้องสะเทือนใจกับภาพ ‘คุณประกิจ’ ที่ใส่ไม้ค้ำยันรักแร้สองข้างจากการเป็นโปลิโอ ขอมาร่วมเดินขบวนของเราด้วย 

ตอนแรกๆ ผมก็เฝ้ามองแกอยู่ แต่เมื่อผ่านไปเกือบชั่วโมงขณะทำงานเพลินๆ ก็เหลือบไปเห็นแกกำลังเป็นลมที่ท้ายขบวนมีคนประคับประคองอยู่

ผมรีบวิ่งเข้าไปดูคุณประกิจ แกจับมือผมด้วยมืออันสั่นเทาเหนื่อยหอบส่งเสียงละล่ำละลักว่า 

“ผมช่วยอาจารย์เดินได้แค่นี้ ผมช่วยอาจารย์เดินได้แค่นี้”

น้ำตาของผมรื้นสะท้อนแดดจ้า สบตากับสายตาล้าเหนื่อยของเขาที่ริมถนนสายเอเซีย 

หลังแดดร้อนอากาศอ้าวแรงฝนก็โปรยมาพร้อมความมืดค่ำ พวกเราเดินเร่งฝีเท้าข้ามจังหวัดสิงห์บุรีแข่งกับความแรงขึ้นของสายฝน 

ในที่สุดเราก็ได้ไชโย ที่หน้าป้ายทางเข้าอำเภอไชโยร่วมกัน

พี่จอบ อดีตเลขาธิการมูลนิธิสืบฯ และอดีตบรรณาธิการหนังสือสารคดี หรือตำแห่งการทำงานปัจจุบันเป็นรองจอบ รองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มาจับมือผมกลางสายฝนก่อนจะลากลับกรุงเทพฯ

สัมผัสนั้นบอกได้ถึงการถ่ายทอดพลังจากรุ่นสู่รุ่น คนทำงานให้ชายชื่อสืบ นาคะเสถียร ที่ยิงตัวตายไปเมื่อยี่สิบสามปีก่อน

แน่นอนละระหว่างลูกผู้ชายสองคนย่อมไม่มีคำใดพิรี้พิไร นอกจากคำสั่งที่ว่า “มึงอย่าถ่ายรูปกูลงนะโว้ย! เดี๋ยวคนหาว่าก็ไม่เป็นกลาง เข้าข้างมึง”

ผมก็ได้แต่หอบความเป็นกลางของแก ฝ่าสายฝนมากางเต็นท์นอนในอาคารหลังใหญ่ของมหาวิทยาลัยการศึกษาจังหวัดอ่างทอง

ค่ำคืนนั้น ผมนอนหลับไประหว่างคิดว่าจะมีใครไหมในโลกนี้ที่โชคดีได้เดินเท้าทางไกลเพื่อกลับถึงแผ่นดินเกิด… เหมือนผม

‘อยุธยา’

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking