บ่ายๆ บนทางยาวบนสายเอเชียวันแรก ผมต้องให้สัมภาษณ์เชิงลึกบนบรรยากาศกลางแดดร้อนขณะที่เราพักประจำชั่วโมงกับนักเคลื่อนไหวคนสำคัญอย่างพี่อมรแห่งเอเอสทีวี
บ่ายวันนั้นผมรู้ว่าทีมงานหลักของเรากำลังมีปัญหา ทีมประสานงานจัดแสดงดนตรีกับพี่หงา อันมีพรรคพวกเครือข่ายประชาสังคมนครสวรรค์เป็นแกนจัด
หลังจากพยายามจะจัดเวลาพี่หงาที่มีธุระซ้ำซ้อนในตอนค่ำให้มาเล่นศาลาวัดไผ่ล้อมตอนเย็น นั่นหมายความว่าผมและขบวนจะต้องพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หรือไม่ขบวนของเราก็ต้องหยุดเร็วขึ้นก่อนถึงเป้าหมายแผนการประจำวัน เพื่อไปรับพี่หงา และคณะตลอดจนร่วมสังสรรค์กันตามธรรมเนียม
ข่าวสารจาก ตู่ ตะวันฉาย ผู้ซึ่งรับหน้าที่ศิลปินบอกมาเช่นนี้
บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ก็เป็นอุปสรรคในการจะเดินให้ถึงเป้าหมายเหมือนการจามและคันกับการแพ้ขี้นกเหมือนกัน
เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้หากเราไม่ตัดสินใจให้ดีก็จะอาจกระทบกระเทือนความรู้สึกที่หวังดีของผู้คนที่มีหลากหลายประเภท มีสไตล์การทำงานและเป้าหมายการทำงานที่แตกต่างกัน
บนปัญหาเรื่องเล็กน้อยที่ไม่เป็นเรื่องนี้ ผมโทรสายตรงหาพี่หงา คาราวาน ผู้ซึ่งคุ้นเคยกันดี เอ่ยปากชวนพี่หงามาร่วมเดินให้เร็วหน่อยแล้วค่อยกลับไปเล่นดนตรี
พี่หงาบอกว่าเดี๋ยวเจอกันเย็นๆ
อีกเกือบ 10 กิโลเมตรจะถึงที่พักตอนเย็นของเรา พี่หงา คาราวาน ปรากฏตัว และร่วมเดินกับพวกเราโดยปล่อยให้ทีมงานไปเตรียมเครื่องดนตรี
ผมคิดว่าพี่หงาจะเดินกับเราสักครึ่งกิโลเมตรหรือมาถ่ายรูป แต่ที่ไหนได้ขบวนของเรามีโอกาสร่วมเดินเท้ากับศิลปินแห่งชาติวัยหกสิบห้าปีที่ยังคงแข็งแรงถึงสี่ห้ากิโลเมตร
ค่ำคืนนั้น พี่หงาติดธุระไม่ทันร้องเพลงให้เราฟัง แต่โอกาสการฟังเพลงจากศิลปินใหญ่อย่างพี่หงาย่อมหาง่ายกว่าการให้ผู้ร่วมขบวนพูดคุย ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดบนเส้นทางเดิน
คืนนั้นแม้ไม่มีพี่หงา คาราวาน แต่เสียงเพลงของพี่ตุ๊ แครี่ออน ที่แจมกับวงแบคอัพของพี่หงา น้าหว่องคาราวาน และตู่ ตะวันฉาย ก็เป็นที่ประทับใจให้กับผู้มาร่วมเดินคืนนั้น
นายกอบต.โพนางดำออก จัดเลี้ยงอาหารด้วยข้าวปลาอย่างดีมาเลี้ยงดูพวกเรา และที่สำคัญคือ คืนนั้นผมได้ต้อนรับแขกคนสำคัญอย่างอาจารย์รตยา จันทรเทียร ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
อาจารย์เป็นผู้นำตัวจริงของเราในการค้านเขื่อนแม่วงก์ ในวัยแปดสิบสองปีที่ไม่เพียงมาเยี่ยมเยียนในค่ำคืนนี้ แต่ยังแสดงเจตนามาร่วมเดินทางไกลกับพวกเราในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
แขกสำคัญอีกคนของผมคือ ‘พี่โชคดี’ นักอนุรักษ์รุ่นใหญ่ผู้สร้างตำนานการฟื้นฟูเขาแผงม้าจนฝูงกระทิงกลับมากับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเมื่อสิบกว่าปีก่อน
หากนับรุ่นการทำงานกันแล้วพี่โชคดีหรือลุงโชค นับเป็นนักอนุรักษ์รุ่นใหญ่ในตำนานของพวกเรา
จริงๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพี่โชคกับผม เราไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว นอกเสียเพียงแต่รู้จักชื่อเสียงของกันและกัน แต่ที่ผมซาบซึ้งกับคำพูดของนักอนุรักษ์รุ่นใหญ่ผู้นี้ก็คือ “ผมมาเดินเป็นเพื่อนศศินไปถึงที่กรุงเทพฯ” เพราะพี่โชคมั่นใจว่ามีประสบการณ์ในการเดินมามากกว่า
แต่พี่โชคบอกว่าจะไม่สอนอะไรศศินในระหว่างการเดิน หากมีปัญหาจะได้ปรึกษาหารือกัน ผมจะเดินด้วยห้าวันถึงชายแดนกรุงเทพฯ
แค่นี้ก็ทำให้ค่ำคืนนั้นผมหลับไปกับความสุขใจในเต็นท์นอนใกล้เจดีย์บรรจุกระดูกที่เรียงรายอยู่ในวัด
ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร