ผมเดินโทรศัพท์ฝ่าฝนไปถึงโรงเรียนทัพทันตอนใกล้เที่ยง ระหว่างทางมีคุณหมอดนัย รุ่นน้องที่คณะวิทยาศาสตร์จุฬามาดักทักทายกลางสายฝน และเขาแนะนำตัวว่าเป็นรุ่นน้องสมัย ‘พี่ศิน’ เป็นประธานเชียร์
หลังจากเราไม่เจอกันยี่สิบกว่าปี ทางเดินเท้าครั้งนี้ทำให้เราได้พบกันอย่างมหัศจรรย์
การประสานงานกับเจ้าถิ่นเมืองอุทัย อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้รับการดูแลอย่างดียิ่งในการดูแลความปลอดภัยด้านจราจร จากตำรวจ สภอ.ทัพทัน
ผู้กำกับการตำรวจทัพทันมารอผมอยู่ที่โรงอาหารโรงเรียนที่เราใช้เป็นที่ทานอาหารกลางวัน ผมแทบไม่มีเวลาทักทายกับพี่ท๊อปหรือคุณบุญเลิศ เทียนช้าง อดีตลูกจ้างพิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่ปัจจุบันลาออกมาเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ที่ทำงานเผยแพร่แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับชุมชนขอบป่าห้วยขาแข้ง พี่ท๊อปมาเยี่ยมพวกเราพร้อมข้าวเหนียวไก่ทอดมื้อใหญ่สำหรับทุกคน
สาเหตุที่ผมไม่ได้ทักทายพี่ท๊อปก็เนื่องจากว่าทีมงานของท่านผู้กำกับต้องการทราบรายละเอียดของการทักท้วงการสร้างเขื่อนแม่วงก์…
นี่เป็นภารกิจที่อยู่นอกเหนือแผนงาน เพราะจริงๆ แล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจะมานำเสนอข้อมูลในพื้นที่แบบนี้ ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาที่ต้องเร่งเดิน รวมถึงข้อครหาว่าเรามาปลุกระดมสร้างความวุ่นวายให้กับสังคมในระดับพื้นที่
และนี่ก็เป็นไฟท์บังคับ ที่เราคงปฎิเสธไม่ได้
ความรู้สึกตอนนั้น ผมรู้สึกเหนื่อยกับการพูดจาปราศรัยที่มีรายละเอียดเยอะๆ มากกว่าการเดินทางไกลเสียอีก อาการเจ็บตึงและกล้ามเนื้อจากการยืดเอ็นบรรเทาไปมากจากเมื่อเช้าอย่างหน้ามหัศจรรย์ แต่ปัญหาของผมตอนนี้คือผมยังไม่หยุดพูดโทรศัพท์สื่อสารเลยตั้งแต่เช้า และตอนนี้กำลังถูกสอบสวนกลายๆ จากนายตำรวจใหญ่เจ้าของพื้นที่ โดยมิอาจคาดเดาได้ว่ามาดีร้ายประการใด
แผนที่แผ่นใหญ่ของเส้นทางเดินถูกคลี่กางบนโต๊ะกินข้าวในโรงอาหาร โดยมีนายตำรวจใหญ่ไล่สอบถามข้อมูลของผมอย่างละเอียดตั้งแต่ที่ตั้งเขื่อนไปจนถึงเหตุผลที่คัดค้าน
โชคดีที่ท่านค่อยๆ ไล่ความสงสัยตามภูมิหลังสถานที่ ที่ท่านเคยไปประจำการแถวนั้นเมื่อครั้งเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย โดยมิได้เห็นใจว่าท่านกำลังคุยกับคนที่พึ่งเดินทางมาด้วยเท้าร้อยกิโลเมตรเปียกฝนโชก ยังไม่ได้กินอาหารและพูดไม่หยุดมาตั้งแต่เช้า
การสื่อสารของเราจูนคลื่นตรงกันนายตำรวจใหญ่ที่ดูเสมือนจะเข้าใจเหตุผลของการทำงานของผมครั้งนี้เป็นอย่างดีหลังจากใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง และจบด้วยการลำดับรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยที่บังเอิญมาพบกันพอดีระหว่างผมกับนายตำรวจใหญ่เมืองอุทัยฯ
หลังจากทำความเข้าใจกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ดูเหมือนว่าผมจะได้รับความสนใจจากผู้คนและตำรวจคนอื่น ระหว่างเดินผ่านตลาดทัพทันมีนายตำรวจใหญ่อีกผู้หนึ่งแสดงตัวมาสอบถามเพิ่มเติม และพูดคุยสนับสนุนการเดินเท้าครั้งนี้ของเราไปตลอดทางตลาดทัพทัน
รถยนต์คันหรูคันหนึ่ง โฉบมาจอดหน้าพวกเรา รถคันนั้นจอดส่งสามแม่ลูกข้างขบวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สองพี่น้องเป็นหญิงสาวเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทราบข่าวก็ให้คุณพ่อคุณแม่พามาส่งเพื่อร่วมเดิน คงไม่ได้นัดกันมาก่อน เพราะเมื่อลูกสาวบอกให้แม่นั่งรถไปรอข้างหน้าคุณแม่ก็ไม่ยอม แสดงความจำนงจะเดินด้วยให้ได้ มีการสอบถามอายุกัน ก็พบว่าคุณแม่อายุเท่าผมพอดี
ดังนั้น จงเป็นเหตุผลว่า ถ้าผมเดินไหวคุณแม่ก็น่าจะเดินไหว นี่เป็นคณะบุคคลเมืองคณะแรก ที่มิได้เป็นนักวิชาการหรือคนทำงานกิจกรรมสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเพียงผู้รับสารจากทางบ้าน ที่ถูกการสื่อสารของเรากระทบใจให้ออกมา
ทราบภายหลังว่าคุณพ่อที่ขับรถมาเป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ได้ แต่ยังพอขับรถได้จึงมาส่ง
กลางเที่ยงที่ทัพทัน ผมเริ่มรู้สึกถึงพลังของการสื่อสารที่พวกเราตัดสินใจทุ่มเท เริ่มผลิดอกออกผล
ทันทีที่พวกเราเดินผ่านร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ห้องแถวไม้เล็กๆ ที่หัวตลาดทัพทัน
‘พี่วิชัย’ เดินขากระเพลกออกมาพร้อมแบงค์ร้อยยับย่น แกยัดแบงค์ร้อยเก่าพร้อมกุมมือผมแน่นแกพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า
“ถ้าผมขาดีๆ ผมจะต้องไปเดินด้วยแน่ๆ”
ผมขอบคุณและรีบเดินออกมาหลบผู้คนและปาดน้ำตา…
ผมจะบันทึกทุกสิ่งอย่างของโมเมนท์นี้ไว้ชั่วชีวิต
ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร