ศาลาหลังคาโบสถ์วัดท่ามะขามป้อมตัดกับฟ้าสีหม่นทึมตามแสงสุดท้ายของอัสดง บรรยากาศเหงางามต้อนรับขบวนที่เหนื่อยล้า ทีมงานหาที่พักได้ที่นี้หลังจากได้เจรจากับหลวงพี่เจ้าอาวาส และเล่ารายละเอียดกิจกรรมให้ท่านทราบ ซึ่งท่านก็เปลี่ยนใจให้เราพักโดยไม่สนใจความเห็นของทางการ
วัดเก่าแอบซ่อนอยู่หลังป่าละเมาะบนตลิ่งแควตากแดด อาจารย์อั้นและเพื่อนจากโรงเรียนเทคนิคแม่วงก์ ขับรถตามมาพร้อมเสบียงและเครื่องดื่ม ผมดีใจที่ข้อมูลข่าวสารของเรากระจายไปถึงครูบาอาจารย์ นักวิชาการท้องถิ่น แน่ใจอย่างยิ่งว่าอาจารย์จะได้บอกเล่าเรื่องราวของพวกเราให้ลูกศิษย์ลูกหาทราบและทำความเข้าใจต่อไป
ก่อนค่ำ ได้ล่ำลากับนักวิชาการจากม.นเรศวร และลูกศิษย์ที่พอทราบข่าวก็บึ่งรถจากพิษณุโลกมาร่วมขบวนเดินกลางแดดเที่ยงโดยที่ไม่รู้จักกัน
นั่นรวมถึงมิตรสหายเก่าแก่เครือข่ายอนุรักษ์จากกลุ่มพยุหะคีรี อุ้ย แท่ง และพี่เลิศ ที่พอมาร่วมขบวนพร้อมน้ำอุทัยเย็นเจี๊ยบคูลเลอร์ใหญ่ก็ลากลับตอนค่ำนี้เช่นกัน
ในเย็นวันที่สามขบวนของเราแยกย้ายกันหามุมนอนพัก สามคืนมานี้โชคดีอย่างหนึ่งที่เรามีห้องน้ำเพียงพอสะอาดสะอ้านรวมถึงที่วัดนี้ด้วย นอกจากยุงจำนวนมากกว่าที่นอนในสองคืนที่ผ่านมาแล้วก็นับว่าวัดแห่งนี้เป็นที่พักที่เหมาะแก่การนอนอย่างสงบของเราจริงๆ
ผมสังเกตเท้าตัวเองเริ่มมีอาการเจ็บระบมที่ฝ่าเท้าแต่ยังไม่เป็นแผล ที่น่ากังวลคือการตึงของเส้นเอ็นข้อเข่า ขาหนีบและอาการขัดข้อเข่า เมื่อเดินขึ้นบันไดศาลาวัด สภาพศาลาที่สงบน่านอนทำให้อยากรีบเอนหลังพักผ่อนเหมือนกับคนอื่น แต่ทำไม่ได้เ พราะตั้งแต่บ่ายที่ผ่านมาผมต้องให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ ช่องทีวีดาวเทียมอย่างต่อเนื่องมาถึงตอนเย็นแบ่งเวลากับการตอบคำถามทางเฟซบุ๊กจากคนที่ติดตามข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งวันนี้คำตอบที่ต้องตอบกับคำถามเชิงลึกจากคนเดินเรื่องมืออาชีพจากรายการคนค้นฅนเพื่อดึงพลังกายพลังสมองของผมไปจนหมดสิ้น นี่ยังไม่นับนิตยสารฅ.คนที่นัดหมายสัมภาษณ์เพิ่มเติมในเรื่องแนวคิดและภูมิหลังของผมก่อนที่จะมาเดินในตอนค่ำวันนี้
การครุ่นคิดคำตอบแบบนี้แน่นอนว่าจะต้องใช้พลังการครุ่นคิดสำรวจสภาพจิตใจ อธิบายออกเป็นคำพูดสื่อสาร อันยากกว่าการอธิบายถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศของป่าหรือการคุ้มค่าของเขื่อนหลายเท่า
ขณะที่ทีมงานของเราตั้งเครื่องฉายและจอโปรเจคเตอร์ ผู้ร่วมขบวนอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยในค่ำคืนแขกสำคัญที่ไม่ได้นัดหมายของผมมาเยี่ยมเยียนรอพูดคุยสนทนาอยู่บนศาลา
พี่ตุ๊ แครี่ออน นักดนตรีนอกกระแสรุ่นใหญ่ ที่ผมรู้จักมักคุ้นเป็นแฟนเพลงสมัยผับไทม์บอตเทิร์นดังอยู่ย่านสนามเป้า เป็นมิตรต่างวัยที่รู้จักมักคุ้นกันเรื่อยมา จนกระทั่งพี่ตุ๊มาปลีกวิเวกกับครอบครัวที่ชัยนาท อันมีระยะขับรถมาถึงที่นี้ไม่ไกลนัก
เมื่อผมหนีจากฝูงยุงซึ่งเป็นบรรยากาศประกอบการให้สัมภาษณ์เชิงลึกกับนิตยสารฅ.คนใต้ถุนศาลาวัด ภารกิจสุดท้ายของวันคือการอธิบายข้อมูลจากภาพสไลด์โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านจอโปรเจกเตอร์ให้ผู้ร่วมเดินทางฟัง ก่อนที่จะบรรยายผมมีโอกาสแนะนำพี่ตุ๊ให้รู้จักกับน้องๆ ที่ร่วมขบวน
พี่ตุ๊หยิบกีต้าร์ ร้องเพลง IMAGINE ก่อนที่จะแอบกลับไปโดยไม่ได้ร่ำลา
หลังจากเดินมาแค่สามวันผมเปิดโน้ตบุ๊คเครื่องเก่าที่คุ้นเคยเลื่อนเคอร์เซอร์ไปตามแพ็ดเพื่อโหลดไฟล์พาวเวอร์พอยต์เรื่องเขื่อนแม่วงก์ที่เคยใช้บรรยายมานับครั้งไม่ถ้วน นี่ไม่ใช่หรือคือเครื่องมือสื่อสารหลักแบบนักวิชาการที่ผมทำมาตลอดเกือบสองปีผมเปลี่ยนวิธีสื่อสารมาเดินประท้วงเพียงสามวันมันช่างเหมือนกับผมห่างโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มานมนานเหลือเกิน
เชื่อไหมว่าถึงกับรู้สึกนึกไม่ออกว่าเปิดไฟล์อย่างไร
นี่ไม่ใช่หรือที่แสดงว่าในการมุ่งมั่นจดจ่อกับปัจจุบันขณะบนสองเท้าที่ย่างเหยียบไปอีกวิถีหนึ่ง ก็อาจจะเป็นวิถีทางที่ทำให้เราหลุดพ้นไปจากกรอบชีวิตเดิมๆ
ค่ำคืนใกล้เที่ยงคืน มีนักศึกษาจากทัพทัน ทราบข่าวก็มาให้กำลังใจ ตำรวจมาเยี่ยมยามดึก สลับกับการแถมสัมภาษณ์พิเศษกับโตโต้คนค้นฅน
แต่ที่เป็นกำลังใจพิเศษคือ ภาณุเดช ผู้จัดการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรขับรถมาจากกรุงเทพฯ ถึงตอนใกล้เที่ยงคืน เขารีบมากลางดึกเพื่อรายงานสถานการณ์ที่กรุงเทพฯ ว่าได้ประสานงานกับใครอย่างไรเพิ่มเติมบ้าง และทีมงานของเราจะมาครบสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยในวันต่อๆ ไปแน่นอน
นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ผมนอนหลับอย่างสบายใจ
ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร